CEO คนใหม่ SCB แถลงวิสัยทัศน์ ทรานฟอร์มเป็น ‘ธนาคารดิจิทัล’ ลุยบริหารความมั่งคั่ง บริการไร้รอยต่อ

ข่าวเศรษฐศาสตร์แนะนำ

คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

แถลงวิสัยทัศน์ใหม่ “Digital Bank with Human Touch” ตั้งเป้า SCB สู่การเป็น Digital Bank (ธนาคารดิจิทัล) อย่างเต็มรูปแบบ ให้บริการลูกค้าไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ ยังเตรียมลุยธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเพื่อเป็นผู้นำตลาดนี้ให้ได้ในอนาคต พร้อมดึงกลุ่มคนชนชั้นกลางที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นลูกค้าให้มากขึ้น

ข่าวเศรษฐศาสตร์แนะนำ

SCB กำไรโต บริการดิจิทัลและสินเชื่อ ติดท็อปประเทศ
ปี 2022 ที่ผ่านมา กำไรของ SCB เติบโตต่อเนื่อง 52% (YoY) จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นไปที่การให้บริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยปีนี้ยังคงดันเป้าหมายนี้ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพราะธนาคารจะก้าวไปสู่ Digital Bank อย่างเต็มตัว

จากจุดแข็งของ SCB อยู่ภายใต้ยานแม่ SCBX และถือเป็นหน่วยธุรกิจหลักที่มีความสำคัญมากของกลุ่ม และเป็น Universal Bank ที่ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ครองความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจ Bancassurance ซึ่งปัจจุบันครองอันดับ 1 ในประเทศ นอกจากนี้ ยังครองอันดับ 3 ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี สินเชื่อลูกค้ารายย่อย และทางด้านการบริหารความมั่งคั่ง

เช่นเดียวกับแอป SCB connect ก็ติดอันดับ 3 แอปธนาคารที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ และกู้สินเชื่อผ่านแอปได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่ง SCB ตั้งใจจะพัฒนาให้เป็น Universal App ต่อไปในอนาคต

3 เรื่องหลัก วิสัยทัศน์ใหม่ Digital Bank – บริหารสินทรัพย์ – บริการไร้รอยต่อ
SCB มองว่า Market Trend ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ มีทั้งหมด 3 เทรนด์ ได้แก่

1) SCB จะเป็น Digital Bank อย่างเต็มตัว แม้ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากจะกระโดดเข้ามาเล่นในธุรกิจนี้กันมากขึ้น แต่ความได้เปรียบของ SCB เป็นบริษัทที่มีความมั่นคง มีประสบการณ์ยาวนาน เข้าใจตลาดเป็นอย่างดี และมีฐานการเงินที่แข็งแรง ดังนั้นลูกค้าสามารถมั่นใจในโปรดักส์ของ SCB ได้

2) SCB จะเป็นเจ้าตลาดทางด้านบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) โดยจะขยายบริการนี้ดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันพบว่าธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ยังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดอย่างจริงจัง แต่ในอนาคตจะเติบโตอีกมาก ทำให้ SCB ตั้งเป้าที่จะก้าวไปสู่การเป็นเจ้าตลาดให้ได้

3) SCB จะให้บริการแบบไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้า ในทุกช่องทาง (Omni-Channel) ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่บริการด้านดิจิทัล แต่จะให้บริการในรูปแบบสาขาของธนาคาร ที่มีพนักงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

SCB มองเศรษฐกิจปีนี้โต เตรียมจับกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลาง
ผู้บริหาร SCB มองว่า ปี 2566 นี้ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจของอาเซียน จะเติบโตได้ราว 4-5% ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวราว 3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์โควิด 19 ที่ดีขึ้น และมาตรการผ่อนตลายของจีนที่เริ่มเปิดประเทศแล้ว

ปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจ ช่วยเร่งการเติบโตในกลุ่มลูกค้าทั้งรายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเห็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปช่วยบริหารความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางที่มีศักยภาพ (Emerging Wealth) ลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากชนชั้นกลางในอาเซียนที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 65% ในอีก 10 ปีข้างหน้า คนกลุ่มนี้ถนัดการใช้เครื่องมือดิจิทัล และต้องการบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ครบวงจร นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี และเป็นโอกาสของธนาคารที่จะกำหนดแนวทางธุรกิจให้สอดคล้องกับลูกค้ากลุ่มนี้ ผ่านการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้ ทั้งแนะนำบริการการลงทุน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และทำธุรกรรมที่มีความสะดวกสบาย

ส่วนผลลัพธ์ในระยะยาวที่น่าจะได้เห็นต่อจากนี้ SCB ตั้งเป้าจะเป็นธนาคารหลักอันดับ 1 ของลูกค้าในประเทศไทย ดูแลสินทรัพย์มากที่สุด ครองส่วนแบ่ง Wealth Wallet Share อันดับ 1 ภายในปี 2025 ส่วนปี 2023 นี้ จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% และจะลดค่าใช้จ่ายต่อรายได้จองบริษัท เพื่อคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ตั้งเป้าไว้อยู่ที่ประมาณ 40% ดันให้ธนาคารก้าวไปสู่การใช้ดิจิทัลให้เร็วขึ้น และหากปรับองค์กรให้เป็นดิจิทัลครบวงจรได้ตามแผน 5 ปีแล้ว ธนาคารจะลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ต่ำกว่า 40% พร้อมผลักดันสินเชื่อ Green Finance เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ตามแผนด้านความยั่งยืน (ESS) ข่าวเศรษฐศาสตร์เพิ่มเติม>>> ยอดค้าปลีกช่วงเทศกาลในสหรัฐเพิ่ม 7.6% รับอานิสงส์แคมเปญลดแลกแจกแถม