‘ท่องเที่ยวฯ’ เล็งบุกตลาดใหม่ ‘เอเชียกลาง’ เสริมทัพฟื้นรายได้ยุคหลังโควิด

ธุรกิจ

หลังการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เป็นที่น่าสังเกตว่านักท่องเที่ยวประเทศกลุ่ม เอเชียกลาง กลับมามีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม CIS เช่น สาธารณรัฐคาซัคสถาน และสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของกลุ่มประเทศเหล่านี้คือตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CIS ด้วยกัน จากปัจจัยหลักความสะดวกเรื่องมาตรการการขอวีซ่าและจำนวนเที่ยวบิน

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศ “เอเชียกลาง” เช่น สาธารณรัฐคาซัคสถาน และสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ที่มีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ล่าสุดได้หารือกับเอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย เพื่อหารือความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพราะตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565-31 มี.ค.2566 นักท่องเที่ยว “คาซัคสถาน” ได้รับสิทธิเข้าประเทศไทยภายใต้เงื่อนไข Visa on Arrival (VoA) หรือการขอ “วีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง” ทางรัฐบาลไทยได้ขยายจาก 15 วัน เป็น 30 วัน ถือเป็นปัจจัยบวกในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวคาซัคสถานที่จะมาไทย

ขณะเดียวกัน พบปัจจัยสนับสนุนจากการที่มีสายการบิน AirAstana บินตรงเส้นทาง อัลมาตี – กรุงเทพฯ ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน เริ่มวันที่ 30 ต.ค.2565 และยังมีเส้นทางบินตรง อัลมาตี – ภูเก็ต มีแผนทำการบินทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน โดยจะเริ่มวันที่ 30 ต.ค.นี้ จากปัจจุบันทำการบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ด้านสายการบิน SCAT หรือ Sunday Airline ซึ่งให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ประกาศทำการบินในช่วงฤดูหนาวนี้ จากเมืองอัลมาตี, อัสตานา, คอสตาเนย์, เชมเคนท์ และอูราลสค์ มายังภูเก็ต และอู่ตะเภา

สำหรับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานที่เคยเดินทางมาไทยในปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด พบว่าเดินทางเข้าไทย 56,529 คน วันพักเฉลี่ย 14.03 วัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,365.25 ต่อคนต่อวัน สร้างรายได้รวม 3,462 ล้านบาท และในปี 2565 ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. มีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 21,971 ราย โดยคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2565 จะมีมากถึง 55,000 ราย เกือบเท่าสถานการณ์ก่อนเกิดโควิด-19

“และจากการพูดคุยหารือกับผู้ประกอบการท้องถิ่นและสายการบิน ช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ต่างเรียกร้องให้ประเทศไทยยกเลิกการขอวีซ่าเข้าประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA และต้องการร่วมมือในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงฤดูหนาวนี้”

ฟากสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยว “อุซเบกิสถาน” ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 – 31 มี.ค.2566 นักท่องเที่ยวชาวอุซเบกิสถานได้รับสิทธิเข้าประเทศไทยภายใต้เงื่อนไข VoA ขยายจาก 15 วันเป็น 30 วัน เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถาน

ขณะที่สถานการณ์เที่ยวบินในปัจจุบัน ยังไม่มีเที่ยวบินตรง จากอุซเบกิสถานมายังประเทศไทย สายการบิน Uzbekistan Airways อยู่ระหว่างการเจรจาขอกลับมาเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานเดินทางมาประเทศไทย โดยบินจากเมืองทาชเค้นท์ (Tashkent) และเมืองซามาร์คานด์ (Samarkand) ต่อเครื่องที่เมืองอัลมาตี (Almaty) สาธารณรัฐคาซัคสถาน โดยสายการบิน Air Astana หรือต่อเครื่องที่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) โดยสารการบิน Turkish Airlines หรือต่อเครื่องที่เมืองดูไบ โดยสายการบิน Emirate Airlines หรือเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง จากเมืองทาช เค้นท์ (Tashkent) มาขึ้นเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เมืองเชมเคนท์ (Shymkent) สาธารณรัฐคาซัคสถาน

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานในปี 2562 มีจำนวนเดินทางเข้าไทย 19,891 ราย และในปี 2565 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานเดินทางเข้าไทยแล้ว 2,496 ราย คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานเดินทางเข้าไทยในปี 2565 มากถึง 8,500 ราย

“อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น มีการรายงานข้อมูลความไม่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานที่ต้องการจะอยู่ประเทศไทยมากกว่า 30 วัน ซึ่งจะต้องส่งเอกสารมายื่นขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตเมืองมอสโก สหพันธรัฐรัสเซียเท่านั้น”

พิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมภาคท่องเที่ยวไทยปี 2565 มั่นใจว่าในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดในและต่างประเทศปี 2565 จะทำได้ตามเป้าหมาย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้งแน่นอน! แต่ “ความกังวล” ในตอนนี้อยู่ที่ “เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยว” ของปีนี้ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯตั้งไว้ 1.28 ล้านล้านบาท

“ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ยากอยู่แล้ว ต้องมีอะไรมาเสริมเพื่อให้รายได้รวมการท่องเที่ยววิ่งไปถึงเป้าหมายที่กระทรวงฯตั้งไว้ ไปจนถึงเป้าหมายใหญ่ของรัฐบาลตามที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ 1.5 ล้านล้านบาท”

สำหรับเป้าหมายปี 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวฯตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 20 ล้านคน และมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% เมื่อเทียบกับรายได้รวมปี 2562 ก่อนโควิด-19 ที่เคยเป็น “ปีทอง” ทำรายได้รวมสูงสุดอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท